ผมหยิกและผมหยักศกมีลักษณะที่แตกต่างจากผมตรงอย่างชัดเจน เพราะโครงสร้างของเส้นผมมีความโค้งงอมากกว่า ทำให้ต้องการการดูแลที่พิเศษขึ้น หากเข้าใจธรรมชาติของผมประเภทนี้ ก็จะช่วยให้เลือกวิธีดูแลที่เหมาะสมได้ ทำไมผมหยิกและผมหยักศกถึงแห้งเสียได้ง่าย? เกล็ดผมเปิดออกง่ายกว่า ทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นได้เร็ว  น้ำมันจากหนังศีรษะกระจายไปไม่ทั่วถึง ปลายผมจึงมักแห้งกว่าคนผมตรง  เส้นผมบิดงอ ทำให้เปราะบางและแตกหักได้ง่ายกว่า  เคล็ดลับการดูแลผมหยิกและผมหยักศก เลือกแชมพูสูตรอ่อนโยน ปราศจากซัลเฟต  สารซัลเฟต เช่น Sodium Lauryl Sulfate

การเปลี่ยนแปลงของเส้นผมเป็นปรากฏการณ์ปกติเมื่อผู้ชายเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป ปัญหาที่พบบ่อย ได้แก่ ผมร่วง (hair loss), ผมบาง (hair thinning) และแนวผมที่ถอยร่น (receding hairline) สาเหตุหลักมักเกิดจาก พันธุกรรมและฮอร์โมนเพศชาย (androgenetic alopecia) โดยเฉพาะฮอร์โมน dihydrotestosterone

การดูแลสุขภาพเส้นผมในผู้ชายเป็นเรื่องสำคัญตั้งแต่ยังมีอายุน้อย แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขอายุที่แน่ชัดในการเริ่มดูแล แต่การให้ความสำคัญตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อผมร่วงและผมบางในอนาคตได้ (Trueb, 2002; Rossi & Sinclair, 2012) 1. วัยรุ่น (13–19 ปี) ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของ ฮอร์โมนเพศชาย ส่งผลให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันมากขึ้น (seborrhea) ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดรังแคหรือหนังศีรษะอักเสบ และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อ telogen

Platelet-Rich Plasma (PRP) หรือพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู รวมถึงการนำมาใช้ในการกระตุ้นการเจริญของเส้นผม อย่างไรก็ตาม มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ PRP อยู่หลายประเด็น บทความนี้จะอธิบายและแก้ไขความเข้าใจผิดที่พบบ่อย 3 ประการดังนี้ 1. PRP เป็น Stem Cells Stem Cells